000
ปรึกษาเครื่องเสียง อจ. ไมตรี โทร 099-569-6459    
 
บอร์ดพูดคุย, ซื้อ-ขายเครื่องเสียง
>> audio-teams.com
>> noom-hifi.com
>> wijitboonchoo.com
>> hifi55.com  
>> sk-audiophile.com
>> htg2.net
นิตยสารเครื่องเสียง
>> what Hi-Fi? Thailand
>> The Wave
>> Audiophile-Videophile
>> gm2000.com
>> The Stereo
ร้านค้าเครื่องเสียง
>> Piyanas Electric
>> KS Sons Group
>> Conice (บ้านทวาทศิน)
>> อัศวโสภณ
>> munkonggadget.com
>> bkkaudio.com
 
ปรับขนาดตัวหนังสือ เช่น 15, 16, 18, 20, + + / ยกเลิกใส่ 0 :

หมวดหมู่ > เครื่องเสียงรถยนต์ > บทความเครื่องเสียงรถยนต์ > 190dB SPL เบสหูกระจาย,อกทะลุ
วันที่ : 26/04/2016
9,995 views

190dB SPL เบสหูกระจาย,อกทะลุ

????????? เรื่องของการโชว์พลังเสียงว่า คันของใครจะเปิดเสียงได้ดังกระหึ่มกว่ากัน เป็นการแสดงอัตตาหรือการยึดมั่นถือ มั่นของแต่ละคนบนพื้นฐานของการพยายามเอาชนะกัน โดยไม่คำนึงถึงว่า จะต้องสูญเสียอะไร ที่แน่ๆคือ เสียเงิน และไม่ใช่ตัวเงินน้อยๆแต่ว่ากันที่หลักนับแสนบาทถึงเป็นล้านบาท (ไม่นับตัวรถ) ทำกันทุกวิถีทาง ทุกรูปแบบ และหมายถึงเช่นนั้นจริงๆถึงขนาดโกงกัน โกงกติกา ก็มีให้เห็นประจำ นำมาซึ่งการทะเลาะวิวาท แตกแยกต่อล้อต่อเถียง ทำลายความสมานฉันท์ จนถึงอุบัติเหตุทางเสียงถึงขั้นพิกลพิการ ยังไม่นับการรบกวนผู้อื่นจนถึงขั้นเขม่นกัน ก่อให้ เกิดการวิวาทและอาชญากรรมแบบอารมณ์ชั่ววูบ

ดูไปแล้วมีแต่ข้อเสียทั้งนั้นแล้วเขาจัดแข่งกันทำไม?

  1. ข้อแรกคือ เพื่อความมันส์ สะใจ วัยรุ่นได้ระบายอารมณ์ (แม้จะไม่ใช่ทางเดียวที่จะระบายยังมีทางอื่นๆอีก)
  2. เป็นสีสันในการแข่งขันเครื่องเสียงรถยนต์ ให้ได้ลุ้นระทึกกับตัวเลขวัด
  3. บริษัทได้ขายของ (เยอะๆ) ไม่ว่าปรีแอมป์,เพาเวอร์แอมป์,ลำโพง,สาย,หม้อแบตเตอรี่
  4. ได้เสียรู้ทันที จากตัวเลขวัดอันเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ ชั่งตวงวัดได้ ต่างจากการประกวดในแง่มุมอื่นๆเช่น ความสวยงาม,คุณภาพเสียง ที่เป็นนามธรรม จึงมักนิยมเข้าแข่งในหมวดนี้ (SPL หรือความดัง)
  5. เป็นข้อที่มักกล่าวอ้างแก้เกี้ยวว่า เพื่อพัฒนาฝีมือการติดตั้งให้มากขึ้นแต่เอาเข้าจริง แต่ละค่าย แต่ละคันต่างอุบไต๋ ไม่มีการแย้มพรายวิธีการติดตั้ง,จูนเสียงใดๆทั้งสิ้น ตรงข้ามต่างปิดบัง,ซ่อนเร้น ถึงขนาดให้ลูกน้องเป็นโขยงล้อมรอบรถกลัวคนอื่นจะสอดรู้สอดเห็น ตัวรถเองก็ติดฟิล์มดำมืดทึบยังกับรถของพวกเจ้าพ่อทั้งหลาย

เมื่อได้รางวัลชนะแล้ว ก็ไม่มีการบอกเล่าวิธีการทำใดๆเพื่อให้วงการได้พัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ รายใหม่ๆก็ต้องมาเสียเวลาค้นคว้าใหม่ นับ 1 ใหม่ จึงไม่ต้องมาอ้างเลยว่าเพื่อพัฒนาความรู้ให้วงการ เหลวไหล และไม่เคยปรากฏจริง

ทั้ง 5 ข้อนี้มีใครเคยพูดถึงอย่างจะแจ้งจริงจังหรือ....ก็ไม่มี

????????? แต่ที่แน่ๆร้านดังเท่านั้นจึงจะได้รับการสปอนเซอร์ (ทุกรูปแบบ) อุดหนุนจากเจ้าของสินค้า ไม่ว่าด้วยของหรือเม็ดเงิน ร้านเล็กๆโนเนมอยากแจ้งเกิดก็อย่าหวัง คุณไม่ใช่เป้าหมายที่จะช่วยระบายสินค้าให้แก่เขาได้ในอนาคตก็ร้องเพลงรอไปก่อน ร้านหน้าใหม่จึงต้องกัดฟันทุ่มทุนสร้างเองทั้งหมด ซึ่งก็เข้าสู่วัฏจักรแห่งความจริงในเชิงการค้าว่า ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ร้านหรือแม้แต่เจ้าของสินค้าที่มีเงินถุงเงินถังเท่านั้นจึงจะทุ่มเทได้เต็มที่(ว่ากันว่าอย่างต่ำต้องทิ้งเงินสามแสนบาทขึ้นไปถึงนับล้านบาท)กลายเป็นว่าไม่ได้แข่ง แต่เป็นการซื้อรางวัลกันแล้ว

????????? ขนาดเจ้าของสินค้าหลายค่ายถอดใจต้องหยุด จ่ายไปเป็นล้านปรากฏว่ารถในทีมลูกค้าของตนแข่งกี่ที่ไม่เคยได้รางวัล

????????? ในที่สุด รางวัลก็จะวนไปมาอยู่ไม่กี่คันไม่กี่เจ้า หน้าใหม่(รวมทั้งหน้าเก่าที่อกหัก)ก็จะเมินไม่อยากเข้ามาร่วมวงถึงขนาดการแข่งบางหมวดต้องเกณฑ์รถมาเข้าแข่งให้ได้จำนวนไม่น่าเกลียด

????????? ร้านติดตั้งเองก็ถูกเจ้าของสินค้ายุคนโน้นนี่ยุจนหลงประเด็น คิดว่าถ้าได้รางวัลจะเป็นหลักประกันว่าจะมีลูกค้าไหลมาเทมา จึงพยายามทำ ทุกวิถีทาง ที่จะได้มาซึ่ง รางวัล ในแง่ของผู้บริโภคการจะตัดสินใจเข้าไปใช้บริการร้านติดตั้งใด อย่าดูแต่เรื่องรางวัลอย่างเดียว มันมีเบื้องหลังแห่งการได้มาอีกมาก มีทั้งที่ร้านได้เพราะแน่จริงกับได้เพราะวันประกาศไม่มีคู่แข่งมาแข่งร่วมหรือมีก็น้อยมาก

????????? นอกจากนั้นการที่ร้านได้เขาได้มาโดยการติดตั้งอย่างไร ใช้เวลาเท่าไร เงินอีกมหาศาลขนาดไหน สิ่งเหล่านี้ท่านยินดีจ่ายแบบร้านหรือไม่ ถ้าไม่ได้จะหวังอะไรว่าเขาจะติดตั้งได้ตามที่คุย หรือเหมาะสมกับเงินอันจำกัดของท่าน ทหารที่รบเก่งด้วยอุปกรณ์ไฮเทคตัวช่วยเพียบ อาจแพ้ราบคาบเมื่อต่อยกับจิ๊กโก๋ปากซอยก็ได้

????????? ฝีมือจึงควรวัดกันที่เทคนิค ไม่ใช่รางวัล ผมพยายามค้นคว้าหาเทคนิคต่างๆในการติดตั้งให้ได้พลังเบสมโหฬารที่สุดในการวัดแข่งและก็หามาได้ 40 ข้อ ซึ่งในอนาคตอาจได้มากกว่านี้

????????? เป็น 40 ข้อที่ผมคิดเอง มิได้จำขี้ปากใครมาเล่า และก็ไม่ง้อพวกหวงวิชาด้วย ผมต้องการเผยแพร่ความรู้นี้ไปในวงกว้างที่สุด เพื่อให้พวกหวงวิชาทั้งหลายคอตก คิดว่าตัวเองรู้คนเดียวไม่บอกใคร(เก่งคนเดียว) ต่อไปนี้จะได้หยุดกร่างเสียที อะไรที่คุณรู้ คนอื่นๆเขาก็ได้รู้หมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องง้อคุณก็ได้ วิธีแก้ความขี้เหนียว,ขี้ตืดของคนก็ด้วยการให้

????????? ใน 40 ข้อนี้ เกือบทั้งหมดสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการติดตั้งให้ได้คุณภาพเสียงเบสดีที่สุดได้ ไม่จำเพาะเรื่องความดังอย่างเดียว แต่ได้คุณภาพ,สุ้มเสียงเบสที่ดีขึ้นด้วย อันจะส่งผลดีไปถึงกลางและแหลมให้ออกมาดีด้วย อย่าลืมว่าทุกๆเสียงต่างส่งผลเกี่ยวเนื่องไปมาถึงกันหมด ถ้าเสียงจากซับเลวก็จะส่งให้เสียงกลางและแหลมเลวไปด้วย

????????? หลากหลายวิธีการเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องลงทุนสูงมากมายอะไรเลย คุณสามารถรบชนะได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธหนัก (หว่านเม็ดเงิน)

????????? คิดในแง่แห่งการเพิ่มคุณภาพเสียงได้ต่างหากที่ดูจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค และทำให้การแข่งกำลังขับพอจะมีสาระอยู่บ้าง

????????? ใน 40 ข้อนั้น มีอยู่ 2 ? 3 ข้อที่เหมือนชี้โพรงให้กระรอกซึ่งอาจหมิ่นเหม่ต่อกติกาและจุดมุ่งหมายของการแข่ง แต่ที่ต้องนำมาเสนอไว้ด้วยก็เพื่อชี้หรือเล่าแจ้งให้เห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้วิธีเหล่านี้ในการให้ได้มาซึ่ง ตัวเลข เยอะๆในการวัดพลังเสียง ซึ่งยกหน้าที่ให้แก่คณะกรรมการตัดสินไปหาวิธีแก้ไขเอาเองหรือทำให้มันอยู่ในร่องในรอยสมเจตนาเดิมให้ได้

?? ???????แน่นอนว่า อาจมีวิธีการอื่นๆอีกที่นึกไม่ถึงในการทำทุกวิถีทางให้ได้รางวัล ซึ่งผมเองอาจยังนึกไม่ออก แต่ถ้าคิดออกเมื่อไรก็จะแจ้งเพิ่มเติมให้ทราบต่อไป

40 วิธีให้ได้ตัวเลขการวัดระดับเสียงสูงสุด

  1. ใช้เพาเวอร์แอมป์ขับซับแบบครอบคลุมตลอดช่วงความถี่เสียง (FULL RANGE) ทำงานแบบ CLASS AB (เป็น B มากๆยิ่งดี) อย่าใช้ MOSFET ขาออก เพราะมันจะรั้งตัวเอง ไม่สวิงเต็มที่

เหตุผล ใช้แอมป์ FULL RANGE เพื่อให้หัวคลื่นคมชัดและชันที่สุด คลื่นยิ่งชัน ตัวเลขจากมิเตอร์วัดเสียง (SOUND LEVEL METER) ยิ่งขึ้นมาก

  1. ให้ลองตัดขดลวดขาออกที่ช่วยปรับความต้านทานของลำโพงที่เปลี่ยนตามความถี่ (เรียกว่าวงจร ZOBEL)ออก ถ้าทำได้ (เฉพาะแอมป์ CLASS AB) เพื่อให้เสียงออกมาได้เต็มที่ที่สุด และรูปคลื่นชันที่สุด หรือถ้าจำเป็นต้องใช้ (กรณี CLASS D) ก็ทำใหม่เอามาไว้ข้างนอกใช้ขดลวดเส้นโต ให้สูญเสียน้อยที่สุด

การตัดวงจร ZOBEL ออกแอมป์จะเลือกลำโพงอยู่บ้างแต่ถ้าเข้ากันได้ มันจะได้คุณภาพสูงสุด ลำโพงดีจริงจะ ไม่พึ่งวงจร ZOBEL นี้

เหตุผลที่ไม่ควรใช้ CLASS D หรือดิจิตอลแอมป์เพราะต้องมีขดลวดกรองความถี่สูงทิ้งไม่ให้ไปเผาลำโพง (ไม่ใช่เป็น ZOBEL) อีกทั้ง CLASS D เกือบทั้งหมดไม่ใช่ FULL RANGE หัวคลื่นจึงมน ทู่ ไม่ชัน

  1. ตัดไม่ใช้ (ข้าม) พวกวงจรแบ่งความถี่,แต่งเสียงต่างๆที่มากับเพาเวอร์แอมป์ออก เพื่อให้หัวคลื่นคมชัดที่สุดโดยการยิงสายสัญญาณตรงเข้าแผงภาคขยายหลักเลย ไม่ผ่านแผงปรีในเพาเวอร์แอมป์
  2. ถ้าภายในเพาเวอร์แอมป์มีการเบิ้ลสาย ให้เอาออกและแทนด้วยสายดีๆเส้นเดียว (อย่าลืมฟังทดสอบทิศทางสายด้วย หัวคลื่นจะได้คมชัดที่สุด) การเบิ้ลสายใดๆ (สายไฟ,สายลำโพง,สายเสียง) คลื่นจากแต่ละสายจะกระจายแผ่ออกกวนกัน และมาไม่พร้อมกัน จะเบลอมัว
  3. อย่าให้สายต่างๆภายในแอมป์แตะต้องกันเช่นซ้าย-ขวาแตะกัน,สายลำโพงแตะสายไฟ
  4. ถ้าสายภายในใช้หัวเสียบ ให้เปลี่ยนเป็นบัดกรีให้หมด (ด้วยตะกั่วเงิน)
  5. อาจต้องมีการตัดเส้นทางเดินสัญญาณ (ไฟ) บนแผงวงจรออกแล้วแทนด้วยสายไฟ,สายสัญญาณ,สายลำโพงเรียกว่าทำ HARD WIRE เสียงจะอัดฉีดได้ดีขึ้นอีกมาก
  6. ไม่ใช้การขันสาย แต่ใช้การบัดกรีลงแผงวงจรเลยเพราะขั้วรับสายต่างๆที่มากับแอมป์ ด้านหลังมักเป็นโลหะหักศอกเพื่อลงแผงวงจร ซึ่งทำให้เสียงขุ่น สับสน
  7. ลองเอาฝาล่างของแอมป์ออก เพื่อให้หม้อแปลงในเครื่องกระจายสนามแม่เหล็กได้เต็มที่
  8. ในภาคจ่ายไฟของแอมป์มักใช้ตัวเก็บประจุหลายตัวเรียงเป็นแถวเพื่อเพิ่มค่าความจุให้ถอดออกหมดและเปลี่ยนเป็นการรวมจ่ายแบบดาว (STAR)หรือจุดเดียวแทน
  9. ถ้าจำเป็นต้องใช้หม้อแบตฯหลายตัว ก็ทำแบบเดียวกัน (ทุกหม้อต้องใหม่ มีอายุเท่ากันหมด เปลี่ยนที่ยกแผง) (ให้มองว่าหม้อแบตฯแต่ละตัวเหมือนตัวเก็บประจุแต่ละตัวตามข้อ 10
  10. สายสัญญาณบัดกรีเข้าแผงแอมป์เลย ไม่ใช่หัว RCA
  11. ถ้าจำเป็นต้องใช้หัว RCA เสียบให้ลองเอาน็อตที่ข้าง RCA ตัวเมียออก หลังจากเสียบสายแล้ว เสียงจะนิ่งเป็นตัวตนขึ้น แต่เวลาจะดึงสายออกต้องขันน็อตคืนก่อน ไม่อย่างนั้น RCA ตัวเมียอาจหลุดออกมาจากแผงวงจรได้แต่ถ้าเอาน๊อตออกแล้วไม่ต่าง ก็ไม่ต้อง
  12. ถ้าทำได้ แอมป์บาลานท์ จะควบคุมการขยับของลำโพงได้ดีกว่า กระชับกว่า
  13. บางทีมีการดัดแปลงภายในแอมป์และเพิ่มแรงดันไฟที่ใช้เลี้ยงแอมป์ให้สูงกว่า 14.4 โวลต์เสียอีก (ใช้วงจร CLAMPING) โดยอาศัยตัวเก็บประจุมาเสริมแบตแบบอนุกรม แต่รูปคลื่นจะแย่มาก ระวังความเพี้ยนสูงมากอาจไปทำลายลำโพงกลางแหลมในระบบ ซับ/กลาง/แหลม (ดูข้อ 21)?
  14. ใช้สารหล่อลื่น (K-Y CREAM?) ทาที่ช่องระบายอากาศที่แม่เหล็กของดอกซับหรือปากท่อระบายอากาศตู้ซับหรือผิวภายในตู้ซับให้อากาศวิ่งผ่านได้สะดวกที่สุดเร็วสุด
  15. รูระบายของตู้ซับ ต้องเป็นปากแตรทั้งขาเข้าและออกเพื่อลดมวลอากาศสับสน หักล้างกันเองที่ขาเข้ารูและขาออกจากรู (ขุดเป็นหลุมกลมเล็กๆทั่วผิวปากแตรเหมือน B&W?)
  16. บัดกรีที่ขั้วลำโพงเลย ไม่ใช้ตัวเสียบหรือขันน็อตใดๆ
  17. เอาตะแกรงที่ช่องระบายอากาศที่หลังดอกซับออกหมด
  18. เอายาง,พลาสติก,สติ๊กเกอร์ ที่แม่เหล็กดอกซับออกหมด รวมทั้งที่ดอกกลาง ดอกแหลม (ดูข้อ 21)
  19. เพิ่มลำโพงกลาง,แหลม ให้กับซับโดยทำตู้ซ้อนให้ดอกกลางแหลม แรงอัดจากซับจะได้ไม่กระแทกพัง จัดแอมป์แบบไบ-แอมป์
  20. อย่าใช้ซับวอยส์คู่ ให้ใช้วอยส์เดี่ยว ถ้ามีซับวอยส์คู่ให้ใช้วอยส์เดี่ยว อย่าใช้ 2 วอยส์ทำขนานกันเสียงจะเฉื่อยลงแม้จะมีพลังมากขึ้น (คลื่นไม่ชัน)
  21. ยกตู้เซฟเอามาทำตู้ซับเสียเลย (สั่งโรงงานทำบานประตูใหม่ ติดดอกซับได้) จะได้ไม่สูญเสียพลังงานไปกับการเขย่าตัวตู้ ตู้ต้องใหญ่พอที่สนามแม่เหล็กจากซับไม่แผ่ไปถึง (จะตื้อ อั้น) พูดง่ายๆว่าทำทุกวิถีทางให้ตัวถังรถแน่น นิ่งที่สุด
  22. เพิ่มรูขันน็อตให้ดอกซับอีก รวมทั้งใส่ประเก็นรองขอบซับรอบช่องเจาะใส่ดอกซับที่ตู้
  23. ใช้ดอกซับแค่ 10 นิ้วหรือ 8 นิ้วหลายๆตัว แต่ละตัวขับด้วยเพาเวอร์แอมป์แยกคนละตัวเพื่อ DAMPING FACTOR สูงสุด ไม่มีการกวนกันระหว่างแต่ละดอก ดอกวับยิ่งเล็กยิ่งฉับไว จะได้หัวคลื่นชันที่สุด (มิเตอร์วัดเสียงจะขึ้นเยอะ)
  24. เพิ่มความเร็วของวงจรกลางแหลม (PASSIVE) ด้วยการทำ TRI-CAP ใช้ตัวเก็บประจุหลายตัวรวมได้ค่าที่ต้องการ (ต่อขนาน) แทนที่จะใช้ตัวเดียว แยกขดลวดห่างตัวเก็บประจุและตัวต้านทาน ดึงยางครอบ,พลาสติกครอบ สติ๊กเกอร์ที่แม่เหล็กออกหมด หมุนปรับครีบหน้าดอกแหลมให้ได้เสียงคมชัดที่สุด หรือลองเอาออกไปเลยรวมทั้งหน้ากากดอกแหลม,ดอกกลาง และอย่าลืมทำ HARD WIRE ให้แผงวงจรด้วย (เอากล่องแผงออกหมด)
  25. ลองเดินสายกราวนด์ให้แอมป์จริงๆแทนที่จะอาศัยตัวถังรถเป็นกราวนด์ (ถ้ากวนก็ทำตามปกติ)
  26. อย่าลืมเปลี่ยนสายไฟจากขั้วลบแบตลงดิน เป็นคอขวดของระบบไฟทั้งคัน ใช้สายดีที่สุด ฉับไวที่สุด (สายเงิน?) (ฟังทิศทางด้วย)
  27. เลือกเพาเวอร์ขับซับที่ตอบสนองได้ฉับไวที่สุด (ค่า SLEW RATE สูงที่สุดเท่าที่หาได้ (40 โวลต์/ไมโครเซค ขึ้นไป))
  28. ใช้ซับที่ตอบสนองหรือเคลื่อนตัวได้ฉับไวที่สุด ทดสอบได้โดยการป้อนด้วยสัญญาณเสียงครบทุกความถี่ (FULL RANGE) ยิ่งซับออกเสียงกลางถึงสูงได้ครบชัดแค่ไหน (ตัว ส เสือ ไม่ใช่ ฮ เฮือ) ยิ่งตอบสนองได้ฉับไวเท่านั้น ปกติมักเป็นซับที่กินวัตต์ต่ำ ขอบไม่หนามาก กดแล้วยวบง่าย
  29. ใช้สายสัญญาณ,สายไฟ,สายลำโพงที่ตอบสนองฉับไวที่สุดคือ ตอบสนองความถี่ได้กว้างที่สุด สายลำโพงบางยี่ห้อตอบสนองได้ถึง 1 ล้าน Hz!
  30. เอาวงจรหน่วงการเปิด (ON DELAY TIME) ของเพาเวอร์แอมป์ออก เพื่อให้เวลาเปิดวิทยุแล้วเสียงปึ๊กออกลำโพงมันจะชันที่สุด ได้ตัวเลขวัดสูงสุด

แต่ในการแข่งคงต้องใช้วงจรปรีหรือวงจร BUFFER มากั้น แล้วเปิดปิดกล่อง BUFFER ด้วยรีโมทโดยปล่อย แผ่นเล่น (ส่งความถี่ต่ำมาก่อน) แล้วเปิดวงจร BUFFER พร้อมกับเพาเวอร์แอมป์ ปึ๊กออกแน่ แต่ต้องแน่ใจว่าแอมป์ไหว,ลำโพงไหว ไม่อย่างนั้นกระจุย แต่ถ้าไหวจะได้ตัวเลขสูงมากที่สุด หรือยอมพังหมดแต่ชนะ วัดได้ครั้งเดียว ระวัง!

  1. หรือทำวงจร WAVE SHAPING แปลงสัญญาณความถี่ต่ำ AUDIO รูป SINE WAVE ที่เข้ามาเป็นรูปคลื่นสี่เหลี่ยม ต้องลองดูว่าควรมีทั้งซีกบวกและลบ หรือบวกซีกเดียว (อย่าลืมดูด้วยว่า กรวยซับต้องขยับดันออก) แล้วป้อนคลื่นสี่เหลี่ยมให้แอมป์ขยาย

ถ้าคิดว่าแอมป์ไหว,ลำโพงไหวจริงๆก็อาจผ่านรูปคลื่นสี่เหลี่ยมนี้ไปเข้าวงจร PEAKING เหมือนใน TV เพื่อให้คลื่นสวิงกระโชกเกินปกติจะได้หน้าคลื่นที่ชันมาก แต่แอมป์และลำโพงต้องเก็บตัวได้เด็ดขาดจริงๆ

  1. บุสิ่งแวดล้อมให้ปลอดจากการสั่นด้วยประการทั้งปวง
  2. หาจุดที่เกิดคลื่นค้าง (STANDING WAVE) ที่เป็นบวกและแรงที่สุด ณ ตำแหน่งที่ใช้ไมโครโฟนวัด
  3. ระบบตู้เบสแบบท่อพิสดารทั้งหลายแม้จะให้เบส (ซับ) ได้โด่งดี แต่ล้วนเฉื่อยชา และมีโอกาสตีรวนกับเสียงจากหน้าดอกได้ มิติวัดจึงอาจขึ้นได้ไม่เต็มที่
  4. ขณะทำการวัด ถ้าขี้โกง ก็อาจมีการแอบใส่ความถี่ SUB SONIC (ต่ำกว่า 15 Hz) จากเครื่องสร้างความถี่ต่ำ (SIGNAL GENERATOR) ผสมเข้าไปด้วย ซึ่งหูไม่ได้ยินแต่มิเตอร์กระดิกจาก UPPER HARMONIC ของ 15Hz เท่ากับว่า เอาเปรียบด้วยสัญญาณที่ป้อนต่างกัน ระวังกรรมการอาจเดินไปดูรูปคลื่นที่วัด ถ้ามีคลื่นแปลกปลอม เขาอาจรู้หรือกรรมการน่าจะใส่วงจรกรองความถี่ต่ำลึกสุด (SUBSONIC FILTER) ให้ไมโครโฟนด้วย
  5. ถ้าเพาเวอร์แอมป์ มีไฟส่องโลโก้สวยๆให้เอาวงจรไฟส่องออก และอย่าใช้ตัวเก็บประจุ (CAP) ที่ภาคจ่ายไฟที่มี มาตรวัดแรงดันไฟ ให้เอาออก (แอมป์มีมิเตอร์ใดๆให้เอาออก) พวกนี้ป่วนให้เสียงเบลอทั้งนั้น และน่าจะลดความชันของหน้าคลื่นด้วย (พัดลมก็น่าเอาออกหมด แม้แต่มิเตอร์วัดแรงไฟ วัดแล้วต้องปลดออก)
  6. ปกติใช้วิทยุ-CD เป็นตัวเล่นแผ่น จงเลือกฟรอนท์ที่ดีที่สุด (เพื่อให้มีแรงสวิงสัญญาณสูงสุด) การต่ออก (PRE OUT) ให้เลือก PRE OUT หน้าหรือหลัง (ฟังดูว่า ชุดไหนให้น้ำหนักเสียง,มิติเสียงดีที่สุด ถ้าซับแอมป์เป็นสเตอริโอ ให้เลือกขาเข้าแอมป์เพียงรูเดียว (ฟังดูว่าซ้ายหรือขวาไหนมิติ,น้ำหนักเสียง,ทรวดทรงดีกว่า) และปล่อยอีก CH ว่างไว้ อย่าใช้ อย่าบริดจ์โมโน ฟังทดสอบทิศทางเส้นฟิวส์ ฟรอนท์ และแอมป์ด้วย ถ้าจะให้ดีเลือกใช้โมโนแอมป์ วงจรซ้าย-ขวาจะได้ไม่เหนี่ยวนำกันเอง (แม้อีก CH เราจะไม่ได้ต่อใช้ก็ตาม)

การที่ต่ออก PRE OUT ช่องธรรมดา ไม่ต่อ SUB OUT เพื่อให้รูปคลื่นความถี่ต่ำจากแผ่นทดสอบ ออกมาชัดเจนไร้ความเพี้ยนมากที่สุด มันเป็นความถี่ต่ำอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องผ่านวงจรกรองความถี่ต่ำใดๆอีกแล้ว อาจลองยก EQ ที่ฟรอนท์ให้ได้รูปคลื่นความถี่ต่ำที่คมชันที่สุด (ถ้าออกจาก SUB OUT จะช่วยตรงนี้ไม่ได้)

การใช้ PRE OUT ชุดเดียว (อย่าเบิ้ลจะกวนกันเองดังกล่าวแล้ว) เพื่อไม่เป็นภาระแก่ภาคขาออกของฟรอนท์เลย เสียงจะชัด มีพลังที่สุด ไม่ถอยจมแบน

ตัดภาควิทยุออกจากฟรอนท์ เพื่อให้ฟรอนท์เล่น CD ได้เต็มที่ มีการรบกวนน้อยที่สุด (ถ้ามีไฟวิ่งหน้าจอหา ทางตัดทิ้งให้หมด รูปคลื่นจะชัดสุด) ปิดรู AUXIN (ลองดูดีขึ้นไหม)

ฟรอนท์ต้องวางในแนวราบที่สุด นิ่งที่สุด เสียงจะได้ไม่แบนจมติดจอ ถ้าทำได้ (ซึ่งบางรายทำ) คือย้ายฟรอนท์มาอยู่ภายนอก หนีการสั่นสะเทือนทั้งปวง (อยู่ภายนอกทำให้เราติดตั้งฟรอนท์ราบที่สุด,นิ่งที่สุดได้

  1. อย่าลืมตั้งทั้งโช้คอัพรถและลมยาง (ชนิดของยางที่ใช้)ว่าอย่างไรที่ให้ตัวรถนิ่งสนิท,มั่นคง เพื่อลดการแกว่งไหว อันจะทำให้ได้ตัวเลขการวัดมากที่สุด

หมายเหตุ

  1. ในการวัด เป็นที่ทราบกันว่าควรวัดแค่ครั้งเดียวเนื่องจากระบบไฟชาร์จใหม่ไม่ทันที่จะให้ได้ไฟเต็มเปี่ยมที่สุดเท่าตอนแรก สังเกตว่า ถ้าไม่มีการกั๊กไว้ วัดครั้งที่ 2 มักได้ตัวเลขต่ำกว่าครั้งแรกเสมอ
  2. ในการดัดแปลงใดๆไม่ว่าต่อลำโพงหรือแอมป์ต้องตรวจสอบกติกาก่อนว่า ในหมวดที่เราเข้าแข่งทำได้หรือไม่ (หมวด OPEN อิสระมักทำได้) แต่ถ้าดัดแปลงไม่มาก (ภายในแอมป์,วิทยุ) โอกาสที่กรรมการจะมีเวลาขอรื้อ ขอเปิดดูภายในจะน้อยมาก นอกจากว่าตัวเลขที่ออกมาเทียบกับอุปกรณ์ที่ใช้มันไม่น่าทำได้เขาจึงจะขอเปิดดู
  3. ก่อนเข้าประกวดแข่งใดๆควรได้หาโอกาสศึกษากฎ,กติกา และสภาพการแข่งจริงๆให้ถ่องแท้ก่อน จะได้ไม่มีปัญหาในวันแข่งจริง

????????? ข้อที่ 32 ที่ออกจะเป็นการขี้โกงมากไปหน่อย เป็นไปได้ที่ผมอาจไม่ใช่คนแรกที่คิดได้ แชมป์บางคนอาจใช้วิธีนี้มาก่อนแล้วในบ้านเรา วิธีการคือ ตัดวงจรหน่วงการเปิดเพาเวอร์แอมป์ออกเพื่อให้เวลาเปิดปรีปุ๊บ รีโมทจากปรีก็จะไปเปิดเพาเวอร์แอมป์ ?ทันที? ก็จะมีเสียง ?ปึ๊ก? ดังลั่นออกลำโพง? ปึ๊กเป็นเสียงที่เกิดจากกระแสไฟตรงรั่วจากปรี ขณะที่วงจร ขยายของปรีกำลังปรับตัวให้เสถียร (เป็นแรงดันไฟ OFF SET ออกไป) ขณะแข่งกรรมการเอาแผ่นทดสอบ (CD) ใส่ฟรอนท์และเลือกร่องที่ผู้เข้าแข่งเลือก แต่จริงๆแล้ว ผู้เข้าแข่งที่ขี้โกงจะเอาปรีแอมป์ดักไว้ก่อนเข้าแอมป์และเปิดปรี ด้วยรีโมท (ปรีนี้อาจทำกันเอง) พอกดรีโมทเปิดปรีเสียง ?ปึ๊ก? ก็จะออกลำโพงซับดังลั่นเสี้ยววินาทีแล้วแอมป์กับลำโพงก็พัง (จะเห็นว่า ไม่ใช่สัญญาณเสียงจากแผ่นหรอกที่ออกซับ แต่เป็นเสียง ?ปึ๊ก? จากการเปิดปรีที่ออกไป ลำโพงพังก่อนที่ใครจะทันฟังออกว่าเป็นเสียงอะไร ก็จะคิดว่าเป็นเสียงจากแผ่นตามปกติ แต่ก็เร็วพอที่ไมโครโฟนจะจับเสียงปึ๊กและแสดงตัวเลขการวัดบนจอ

????????? วิธีนี้จะได้รูปคลื่นชันมากที่สุด ตัวเลขการวัดจึงสูงสุด เท่าที่กำลังขับของแอมป์และลำโพงจะให้ได้ก่อนพัง นั่นคือ ใครทุ่มติดเพาเวอร์แอมป์เยอะๆ ก็ย่อมได้ตัวเลขการวัดสูงสุด

????????? ที่จริงถ้าจะเอาชัวร์ อาจใช้รีโมทเปิดปรีที่ถูกป้อนด้วยกระแสไฟตรงแทนที่จะรับสัญญาณจากแผ่นทดสอบ

หรือขี้โกงสุดๆกดรีโมทให้วงจรไฟ DC จากถ่านไฟฉายต่อเข้าแอมป์ดื้อๆออกซับ ไม่ได้ปล่อยเสียงจากแผ่นเข้าแอมป์หรอก

????????? จะเห็นว่าถ้าใช้วิธีนี้ คนที่จ่ายได้ไม่อั้นขอแต่ให้ได้ชัยชนะย่อมได้เปรียบเพราะกล้าพังหรือเผาเงินทิ้งนับแสนบาทหรือกว่านั้น เพื่อให้ได้ชื่อว่าแชมป์พลังเสียงคนจน หรือร้านเล็กๆเงินไม่หนาหมดสิทธ์

????????? ก็เลยไม่รู้ว่าแข่งแชมป์พลังเสียง หรือแข่งแชมป์เผาแอมป์กับซับหรือแข่งความรวยกัน หรือแข่งซาดิสม์

????????? เป็นอันว่า เป็นเรื่องไร้สาระอย่างยิ่ง เสียกันทั้งเงินทั้งเวลา ได้แชมป์ไปก็เหมือนหลอกตัวเอง

????????? วิธีแก้ที่ฝรั่งเขาใช้คือ ใช้วิธีต้องวนแข่งแบบแพ้คัดออก หลายๆตลบเช่น มีเข้าแข่ง 30 คน ก็คัดครั้งที่ 1 ให้เหลือสัก 15 คน แล้วเอา 15 คนนี้มาแข่งกันอีกที เหลือ 5 คน จากนั้นเอา 5 คนแข่งอีกทีให้เหลือ 2 คน (ที่1 กับ 2 )

????????? ถ้าแข่งเที่ยวแรก(รอบแรก) ใช้วิธีขี้โกงจนเพาเวอร์แอมป์,ซับกระจุยไปในรอบแรกหมดแล้ว ก็จะไม่สามารถแข่งต่อได้อีก

????????? วิธีที่ 2 ตรวจสอบรูปคลื่นที่ไมค์จับได้และแสดงภาพรูปคลื่นค้างไว้โดยใช้เครื่อง OSCILLOSCOPE แบบบันทึกค่า ได้

ต่อไปคือข้อที่ 41 ที่ผมคิดได้อีกในการให้ได้ตัวเลขวัดสูงๆ

  1. เร่งขาออกจากฟรอนท์จนคลิบ โดยอาจลดไฟ DC ที่เลี้ยงฟรอนท์ลงจนพอมีสัญญาณ (จากแผ่นทดสอบ) หน่อย ขาออกก็ยอดคลื่นหัวขาด (CLIP) แล้ว เพราะสวิงไปไม่ได้ ไฟเลี้ยงไม่พอ วิธีนี้ก็จะเหมือนกับป้อนด้วยแรงดันไฟ DC เหมือนกัน ไม่ต้องทำปรีแอมป์ด้วย

เป็นวิธีตรงข้ามกับชาวบ้านที่กลัวรูปคลื่นสัญญาณเพี้ยน (CLIP) จากฟรอนท์ ก็จะพยายามทำไฟเลี้ยงฟรอนท์ ให้อิ่ม หนาแน่นที่สุด

  1. สร้างรูปคลื่นหัวขาดที่เพาเวอร์แอมป์ โดยใช้แอมป์วัตต์สูงสุด แต่กลับให้ไฟเลี้ยงมันไม่อิ่ม จงใจลดลงด้วยซ้ำ คลื่นสัญญาณเข้ามา สวิงแรงหน่อย แอมป์ก็ CLIP ออกลำโพงซับเข้าไมโครโฟน ได้รูปคลื่นที่หัวขาด เหมือนหน้าคลื่นชันสุด ตัวเลขจึงได้สูงสุด
  2. อาจใช้ทั้งวิธีข้อ 41 บวกกับข้อ 42? นี่ไม่ใช่การชี้โพรงให้กระรอก หากแต่ต้องการให้เห็นว่าในการแข่งสามารถทำเรื่องที่มีสาระให้มันไร้สาระได้อย่างไร

???? ผู้บริโภคจึงไม่ควรหลงใหลได้ปลื้มกับร้านแชมป์พลังเสียง ไม่ว่าจะกี่สมัยกี่สนามกวาดมาหมด (และก็เพาเวอร์แอมป์กับซับ พังกระจุยทั้งแถบมาทุกงาน) เพราะเบื้องหลังอาจเป็นได้แค่แชมป์ พังของ ดังกล่าวเท่านั้นเอง

www.maitreeav.com

www.maitreeav.com
สำนักงาน : 313/129 ซ. เคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
โทร. 081-5500269 , 099-569-6459